“บร็อคโคลี่” ต้านมะเร็ง สู้อัลไซเมอร์

อาหารและสมุนไพรไทย….ดังไกลระดับโลก
January 2, 2022
หุ่นยนต์ฟื้นฟูผู้ป่วย
January 2, 2022

“บร็อคโคลี่” หนึ่งในผักที่หลายคนนิยมรับประทาน นั่นก็เพราะรสชาติที่หวานกรอบ อีกทั้งยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู…แต่น้อยคนจะทราบว่า นอกจากความอร่อยแล้ว “บร็อคโคลี่” ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายซ่อนอยู่ จนทำให้ได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งใน superfood

 

เนื่องจาก “บร็อคโคลี่” อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญหลายชนิด เช่น วิตามินซี เส้นใยอาหาร โฟเลต เบต้าแคโรทีน ลูทีนและซีแซนทีน รวมถึงสารอาหารต่างๆ อีกมากมาย จึงทำให้บร็อคโคลี่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ, ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย, ช่วยบำรุงและรักษาสายตา, ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรงและป้องกันโรคความดันโลหิตสูง อีกทั้งยังช่วยบำรุงและชะลอไม่ให้ผิวพรรณเหี่ยวย่นด้วย นอกจากนี้ บร็อคโคลี่ ยังมีสารเคมีทางธรรมชาติที่ชื่อ ซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการทำลายของหลอดเลือดที่เกิดจากโรคเบาหวาน และสารอินดอล (Indole) ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านมะเร็ง อีกด้วย

จากการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์พบว่า การรับประทานหน่อหรือต้นอ่อนของบร็อคโคลี่ โดยเฉพาะต้นอ่อนที่มีอายุประมาณ 3 วัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อต้านโรคมะเร็งได้ถึง 2 เท่า ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะในต้นอ่อนหรือหน่อบร็อคโคลี่มีเอนไซม์ไมโรซิเนส (Myrosinase) มากกว่าในบร็อคโคลี่ที่โตเต็มที่แล้วนั่นเอง

และอีกหนึ่งในคุณสมบัติของบร็อคโคลี่ที่หลายคนทราบก็คือ ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเรื่องนี้มีงานวิจัยยืนยันชัดเจน โดยงานวิจัยของมหาวิทยาลัยคิง คอลเลจ ลอนดอน ระบุว่า มีผักผลไม้เพียง 5 ชนิดเท่านั้น ที่มีสารประกอบซึ่งทำหน้าที่คล้ายยาที่ใช้รักษาโรคอัลไซเมอร์ ได้แก่ ส้ม, แอปเปิ้ล, มันฝรั่ง, หัวไชเท้า และบร็อคโคลี่ ซึ่งเป็นผักที่มีสารดังกล่าวมากที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่บร็อคโคลี่จะถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายยี่ห้อ ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสมอง

นอกจากนี้ ในงานวิจัยล่าสุดเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา ของ Washington University School of Medicine ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารทางวิชาการ Cell Metabolism ระบุว่าได้ทำการศึกษาในหนูทดลองด้วยกรรมวิธีเอนไซม์ จากผักสีเขียว 3 ชนิด คือ บร็อคโคลี่ แตงกวา และถั่วแระญี่ปุ่น โดยพบเอนไซม์ที่ชื่อว่า Nicotinamide Mononucleotide (NMN) ซึ่งช่วยรักษาพลังงานแต่ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ทีมวิจัยจึงคาดหวังว่าเอนไซม์ NMN นี้จะให้ผลเช่นเดียวกันในมนุษย์ด้วย และหากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า วิธีการดังกล่าวจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วยให้ผู้คนมีสุขภาพดีเมื่อมีอายุที่มากขึ้น หรือที่เรียกว่าชะลอโรคชะลอปัญหาสุขภาพที่มากับอายุนั่นเอง

 

จากข้อมูลงานวิจัยทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า ผกธรรมดาๆ ที่เราบริโภคเป็นอาหารในชีวิตประจำวันนั้น แท้จริงแล้วก็คือยาดีๆ นี่เอง ยาที่กินได้ทุกมื้อ ทุกวัน ทุกเวลา ไม่มีพิษมีภัย ไม่สั่งสมตกค้าง ดังคำกล่าวที่ว่า “กินอาหารเป็นยารักษาโรค” นั่นเอง

Buy now