อาหารและสมุนไพรไทย….ดังไกลระดับโลก

เคล็ดลับได้เงินคืนภาษีแบบเร็วๆ
December 15, 2021
“บร็อคโคลี่” ต้านมะเร็ง สู้อัลไซเมอร์
January 2, 2022

ประเทศไทย ถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวลำดับต้นๆ ของโลก ข้าวไทยถูกส่งขายไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิไทย ข้าวขาว 100% ข้าวกล้องหอมมะลิเพาะงอก ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมปิ่นเกษตร ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพดี แตกต่างจากข้าวของประเทศคู่แข่ง

ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าสินค้าประเภทพืชผลทางการเกษตร จะมีการกำหนดระดับคุณภาพเพื่อใช้เป็นตัวกำหนดราคาสินค้า โดยได้มีการกำหนดมาตรฐานในด้านต่างๆ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการแบ่งคุณภาพข้าว เช่น ความยาวของเมล็ด ปริมาณเมล็ดหัก ปริมาณข้าวท้องไข่ ปริมาณข้าวเมล็ดเสีย เมล็ดตาย หรือสิ่งปลอมปนอื่นๆ จากมาตรฐานที่กำหนดขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันและเป็นที่ยอมรับจากลูกค้า ทั้งยังสามารถยกระดับมาตรฐานข้าวไทยให้มีความแตกต่างจากประเทศผู้ส่งออกข้าวที่เป็นคู่แข่งขัน เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างชื่อเสียงให้แก่ข้าวไทย

การเป็นประเทศเกษตรกรรมทำให้ไทยเรามีวัตถุดิบมากมาย หลากหลาย ซึ่งมีคุณประโยชน์ในการนำมาแปรรูปเป็นอาหารต่างๆ อันส่งผลให้เกิดอาชีพ และสร้างผู้ประกอบการใหม่ในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งในปัจจุบันได้มีการศึกษาค้นคว้าว่า อาหารไทยที่ประกอบด้วยสมุนไพรนานาชนิด เช่น กระเทียม หอมแดง พริก มะเขือเทศ ส้มแขก ตะไคร้ อัญชัน ฟักข้าว บัวบก ขมิ้นชัน ถั่วอินคา เมี่ยงหมาก ล้วนเป็นสมุนไพรที่ทรงคุณค่าเมื่อประกอบเป็นอาหาร เช่น แกงเหลือง แกงส้ม แกงเลียง และอีกหลายๆ เมนู โดยได้รับการพิสูจน์จาก สถาบันโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล ว่ามีฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง ต้านอนุมูลอิสระ ลดการดูดซึมไขมัน เพิ่มกากอาหาร ฯลฯ

ในขณะเดียวกัน แพทย์แผนไทยและการใช้สุมนไพรในธุรกิจต่างๆ ทั้งในลักษณะของยา อาหารเสริมสุขภาพ เครื่องสำอางสมุนไพร การนวดและอบตัวด้วยสมุนไพร ตลอดจนถึงการรับประทานชาสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรเหล่านี้เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมหาศาล อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่ตลาดยังเปิดกว้างในการเข้ามาลงทุนและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ทั้งนี้จะเห็นได้จากการที่ตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ มีการขยายตัวปีละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 – 30 เนื่องจากความนิยมในการบริโภคและใช้สมุนไพรไทย ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมผลิตภัณฑ์สมุนไพรในประเทศเติบโตในลักษณะก้าวกระโดด เนื่องจากความนิยมผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสอดรับกับกระแสนิยมผลิตภัณฑ์อิงธรรมชาติที่เป็นกระแสที่กำลังมาแรง ซึ่งนับว่าเป็นการขยายตัวที่สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงซบเซา ทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้

  1. กระแสนิยมสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ผู้บริโภคเริ่มหันไปใช้สินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เนื่องจากมีความเชื่อว่าสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายจากการบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อน หรือตกค้างของสารเคมีอันเนื่องมาจากการผลิต รวมทั้งอันตรายจากผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นอีกด้วย
  2. กระแสการแพทย์ทางเลือก ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มสนใจทางเลือกใหม่ๆ นอกจากการรักษาโดยการแพทย์แผนปัจจุบัน เนื่องจากเริ่มวิตกในปัญหาการใช้ยาแผนปัจจุบันซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารเคมีประเภทต่างๆ ที่น่าจะมีผลข้างเคียง รวมทั้งการใช้เคมีบำบัดในการรักษาโรคบางโรคโดยเฉพาะมะเร็ง ดังนั้นคนไข้เริ่มหันไปหาแพทย์ทางเลือกมากขึ้น ทำให้ความนิยมในการใช้ยาสมุนไพรเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่เจ็บป่วย การรับประทานข้าวและอาหารสมุนไพรจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและไม่เจ็บป่วย
  3. การวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ ทำให้ในปัจจุบันมีการวิจัยหลายชิ้นอธิบายถึงคุณประโยชน์นานัปการของสมุนไพร ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสมัยใหม่ยอมรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ มาก ยิ่งขึ้น เป็นผลให้ลู่ทางในการลงทุนผลิต ผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ แจ่มใสมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่เป็นความพยายามของนักวิทยาศาสตร์ที่จะสกัดสารออกฤทธิ์ หรือสารที่มีคุณประโยชน์ออกมาจากสมุนไพร ทำให้เกิดการพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภทออกมา ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม

 

                   ยิ่งตอนนี้เรามีความได้เปรียบเพราะได้ทูตทางวัฒนธรรมที่ดีระดับโลกนั่นก็คือ “น้องลิซ่า Blackpink” ผู้ที่สร้างกระแสระดับโลกให้กับความเป็นไทย เราเองก็ควรใช้โอกาสอันดีนี้ต่อยอดความเป็นไทยให้ชาวโลกได้รับรู้

 

Buy now