Probiotic ดียังไง

5 เทรนด์ยอดฮิตเพื่อความขาวใส
January 20, 2022
ทำไมต้อง “ถอนฟัน” เมื่อรักษามะเร็งลำคอและศีรษะ
January 25, 2022

ความแก่ชราไม่ได้หมายถึงอาการที่แสดงออกบนความเหี่ยวย่นของผิวหนัง หรือความไม่เปล่งปลั่งของผิวพรรณเท่านั้น แต่รวมไปถึงอาการที่แสดงออกทางร่างกาย เช่น อ่อนเพลีย ไม่สบายบ่อย ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ปวดเมื่อยเรื้อรัง เจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งปัจจุบันการป้องกันให้ยังคงความหนุ่มสาวนั้น มิใช่เพียงการเสริมบำรุงจากภายนอก แต่ควรเป็นการดูแลจากระบบการทำงานของอวัยวะภายในด้วย

อวัยวะภายในซึ่งทำหน้าที่ในการย่อยอาหารดูเหมือนจะถูกละเลย ทั้งที่อวัยวะเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญต่อการเสื่อมของเซลล์ เนื่องจากช่วยคัดกรองนำสารอาหารที่มีประโยชน์ รวมทั้งมีจุลินทรีย์กำจัดสารพิษ จุลินทรีย์ที่ว่านี้คงเป็นที่คุ้นหูกันในนามของ โปรไบโอติก (Probiotic)

หน้าที่ของโปรไบโอติกคืออะไร พบได้ในส่วนใดของร่างกาย

คำว่า Probiotic มาจากภาษากรีก Pro คือการส่งเสริม เสริมสร้าง, Biotic คือสิ่งมีชีวิต ดังนั้น จึงไม่แปลกที่มันจะมีความสำคัญมาก สำหรับสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์เรา สำหรับคำจำกัดความที่ลึกลงไปมากกว่านั้น Probiotic คือสิ่งมีชีวิตเล็กๆ (จุลชีพ) ซึ่งร่างกายของเรามีจุลชีพที่มีประโยชน์แบบนี้อยู่แล้วในระบบการย่อยของเราเอง ตั้งแต่กระเพาะอาหารจนถึงลำไส้ใหญ่ แต่ปัจจุบันคำว่า Probiotic ใช้แทนผลิตภัณฑ์หรืออาหารเสริมที่มีจุลชีพชนิดดีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายผสมอยู่ด้วย

Probiotic มีหลากหลายสายพันธุ์ อาจมากถึง 400 สายพันธุ์ แต่ที่มีประโยชน์เด่นชัดมากที่สุดมี 2สายพันธุ์คือ Lactobacillus และ Bifidobacteriumหน้าที่ของหลักของ Probiotic คือรักษาสภาพแวดล้อมในลำไส้ให้ปกติ และส่งเสริมการทำงานของระบบการย่อยและดูดซึมอาหารให้ทำงานได้ดี ส่งผลต่อระบบอื่นๆ ในร่างกายให้ดีตามไปด้วย โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

บทบาทสำคัญของโปรไบโอติก

– ส่งเสริมการทำงานของระบบการย่อย โดยช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รักษาสภาวะของผนังลำไส้ให้ทำงานได้ปกติ เพิ่มการหลั่งของน้ำดี และน้ำย่อย อีกทั้งยังป้องกันสารแปลกปลอมไม่ให้ผ่านผนังลำไส้เข้าสู่ระบบเลือด

– ป้องกันสิ่งแปลกปลอม และเชื้อโรคต่างๆ รวมถึงแบคทีเรียชนิดไม่ดี ไวรัส พยาธิ สารพิษ และสารอักเสบต่างๆ ลดเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเติบโตของก้อนมะเร็ง เพิ่มเยื่อบุเพื่อป้องกันผนังลำไส้

– เพิ่มการดูดซึมวิตามิน B12 เกลือแร่ ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม น้ำตาลชนิดดี และกรดไขมันชนิดดี

– ส่งเสริมการผลิตวิตามินต่างๆ เช่น วิตามิน K2 เอนไซม์ในการย่อย กลุ่มวิตามินบี

– ปรับภูมิคุ้มกันในร่างกาย ได้แก่ IgA, IgG เม็ดเลือดขาวชนิดดี เช่น B cell, T cell และเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อการอักเสบ

 

Probiotic ลดการเสื่อมของเซลล์ ส่งผลต่อการชะลอวัยได้อย่างไรบ้าง

สาเหตุที่ทำให้เซลล์แก่และเซลล์ตายก่อนวัยอันควร คือการอักเสบเรื้อรังจากผนังลำไส้ นำไปสู่การอักเสบในระดับเซลล์ เซลล์เมื่ออยู่ในสภาวะแวดล้อมที่อักเสบนานๆ ก็ทำให้ลดประสิทธิภาพในการทำงานลง เมื่อเซลล์ทำงานได้แย่ลง ย่อมส่งผลต่ออวัยวะนั้นๆ ด้วย

Probiotic มีหน้าที่สำคัญในการลดการอักเสบ ลดการหมักหมมของอาหารที่ย่อยไม่ดีในลำไส้ รวมทั้งเพิ่มการดูดซึมของวิตามินและแร่ธาตุต่างๆซึ่งจำเป็นในการทำงานของเซลล์และอวัยต่างๆ

คนไข้หลายคนมีปัญหาจากผิวเรื้อรัง เช่น ผื่นคัน สิว หน้าดำหมองคล้ำ สามารถแก้ไขได้ง่ายและเร็วขึ้น โดยการฟื้นฟูลำไส้ใหม่ให้ทำงานได้ปกติ หนึ่งในวิธีนั้นคือการให้ทาน Probiotic

 

เลือกซื้อผลิตภัณฑ์โปรไบโอติกอย่างไรใหเปลอดภัย

ปัจจุบัน Probiotic มีเฉพาะแบบกิน การเลือก Probiotic ที่ดีนั้นควรอยู่ในสภาพที่มีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นแบบผง หรือบรรจุแคปซูลทนต่อสภาพกรดและอยู่ในน้ำดีได้ ดังนั้นควรเลือกชนิดที่มีการเคลือบสารธรรมชาติป้องกันน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร (Encapsulated )เพื่อให้ Probiotic ไปถึงลำไส้ได้ สามารถยึดเกาะกับเนื้อเยื่อบุผนังลำไส้และให้ประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์โดยไม่ก่อให้เกิดโทษ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสายพันธุ์ของ Probiotic ครบถ้วน โดยเฉพาะกลุ่ม Lactobacillus และ Bifidobacterium สามารถทนต่ออุณหภูมิห้องได้ โดยปริมาณที่แนะนำทั่วไปคือ วันละ 10 – 20 พันล้านเซลล์ต่อวัน ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละโรค

 

คนกลุ่มใดที่จำเป็นต้องได้รับ Probiotic

– กลุ่มที่มีปัญหาเรื่องภูมิคุ้มกันผิดปกติ เช่น ภูมิแพ้เรื้อรัง ผื่นคันลมพิษเรื้อรัง แพ้ภูมิตนเอง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ทานยากดภูมิคุ้มกัน หรือโรคเรื้อรังต่างๆ ที่สัมพันธ์กับการทำงานผิดปกติในลำไส้ เช่น มะเร็ง ลำไส้อักเสบ ลำไส้แปรปรวน เนื้องอกในลำไส้

– กลุ่มที่เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของลำไส้ผิดปกติ เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ขาดเอนไซม์ย่อยนมวัว ถ่ายเหลวบ่อย ลำไส้แปรปรวน กลุ่มอาการลำไส้สั้น เช่น ทานอาหารแล้วถ่ายทันที ท้องอืดเรื้อรัง กรดไหลย้อน ท้องบวม ลดน้ำหนักไม่ลง

– กลุ่มที่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคเรื้อรังต่างๆ หรือต้องการรักษาสมดุลการทำงานของลำไส้ โดยเฉพาะ การใช้ชีวิตเร่งรีบ รีบทานรีบเคี้ยวแล้วกลืน

การมีสุขภาพดีเพื่อความอ่อนเยาว์ด้วยเทคนิคอย่างง่าย คือ ควรเน้นการไม่รับสารพิษ เช่น มลภาวะโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำ อาหาร เช่น สารหนู ปรอท ตะกั่วในอาหารทะเล อาหารที่ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในลำไส้ (Food intolerance) หากไม่แน่ใจว่าอาหารประเภทไหนบ้าง ควรพบแพทย์ เพื่อปรึกษาการตรวจภูมิแพ้อาหารแบบแอบแฝง (Food intolerance test ) เน้นการดำเนินชีวิตเพื่อให้ร่างกายได้ ทำงานและพักผ่อน โดยกิน นอน ตามเวลานาฬิกาชีวิต  (Biological clock) รวมถึงออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและสภาวะฮอร์โมน

ขณะเดียวกันควรทำให้อวัยวะที่รับผิดชอบในการขับสารพิษ (Detox) ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เช่น ตับ ไต ลำไส้ หากสารพิษมีปริมาณมาก หรือ เริ่มทำให้เกิดโรคต่างๆ และ เกินกว่าศักยภาพของร่างกายจะเอาออกเองได้ ก็ควรปรึกษาแพทย์ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ในการเอาสารพิษสารอักเสบเหล่านั้นออก เช่น Liver Detox , Chelation Therapy, Colonic Detoxificationที่สำคัญคือควรวางแผนโดยแพทย์ อย่าทำโดยไม่มีผู้ควบคุม หรือใช้บริการในสถานที่ที่ไม่มีแพทย์ เพื่อป้องกันผลข้างเคียง และเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด

Buy now