การสร้างความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ผู้ป่วย ญาติหรือผู้ดูแลผู้ป่วย เกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน เคล็ดลับดูแลตนเอง โรคพาร์กินสันนับว่าเป็นอีกหนึ่งโรคที่โลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของสมองและระบบประสาทที่พบได้บ่อยเป็นอันดับที่ 2 รองจากโรคอัลไซเมอร์ โดยสถิติผู้ป่วยเป็นโรคพาร์กินสันทั่วโลกมักพบในกลุ่มผู้ที่อายุเกิน 65 ปี และมักพบในผู้ป่วยเพศชายมากกว่าเพศหญิง
โรคพาร์กินสัน คือโรคทางสมองที่เกิดจากเซลล์ประสาทในบางตำแหน่งเกิดมีการตายโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ทำให้สารสื่อประสาทในสมองที่ชื่อว่า โดปามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารที่มีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายมีปริมาณลดลง จนส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย ซึ่งสามารถจำแนกอาการของโรคพาร์กินสันได้ทั้งหมด 5 ระดับ ได้แก่
แม้โรคพาร์กินสันจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยมากที่สุดในด้านการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วย จนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องมีคนคอยดูแลในบางราย เนื่องจากกล้ามเนื้อของผู้ป่วยมีการอ่อนแรงและสั่นเกร็ง จากที่เคยสามารถทำงานได้ ก็เริ่มเป็นทำได้ช้าลงและทำไม่ได้ในที่สุด แต่ก็ยังคงมีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่ อาการท้องผูกเป็นประจำ อาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้อเกร็ง โดยเฉพาะเวลานอนจนทำให้นอนไม่หลับ หรืออาการท้อแท้เบื่อหน่ายในชีวิตจนอาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้าตามมา ซึ่งผู้ดูแลควรต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อจะสามารถติดตามความผิดปกติ และรีบแจ้งแพทย์เพื่อการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ปัจจุบันโรคพาร์กินสันเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่ใช้วิธีการรักษาจะเป็นแบบควบคุมประคับประคองอาการด้วยการรับประทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับประทานยาให้ตรงเวลาในทุก 4-5 ชั่วโมง และในช่วงที่ท้องว่างเท่านั้นเพื่อให้ยาเกิดประสิทธิภาพได้เต็มที่ ทั้งยังช่วยป้องกันการดื้อยาในผู้ป่วยอีกด้วย เนื่องจากผู้ป่วยพาร์กินสันที่มีอาการป่วยติดต่อมาเป็นระยะเวลานานๆ จะเริ่มมีการตอบสนองต่อยาที่ไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้อาการที่รุนแรงขึ้นหรือลดลงในบางครั้ง จนอาจกลายเป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะโรคแทรกซ้อนได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีการรักษาด้วยการผ่าตัด โดยการผ่าตัดฝังตัวกระตุ้นสมองส่วนลึก (Deep Brain Stimulation) และการรักษาทางกายภาพบำบัด ด้วยวิธีการการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องและเหมาะสม โดยวิธีการรักษานั้นๆ แพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้พิจารณาและให้คำแนะนำตามความเหมาะสมของอาการของผู้ป่วยแต่ละรายอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามการที่ผู้ป่วยมีความสุขในชีวิตและกำลังใจที่ดีก็นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้อาการของผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นและสามารถมีชีวิตที่ยืนยาวได้ต่อไป
โดยข้อควรปฏิบัติของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันที่มีอาการป่วยมาเป็นระยะเวลานาน เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุขและมีกำลังใจในการรักษาตนเอง ในทุกๆวัน มีดังนี้
สำหรับผู้ที่มีความกังวลหรือสงสัยว่าตนเอง คนในครอบครัว หรือคนใกล้ชิดจะมีอาการของโรคพาร์กินสันหรือไม่ ควรไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ จะเป็นการดีที่สุด