หากพูดถึงอาหารเพื่อ “สุขภาพ” แล้ว หนึ่งในผลไม้ที่หนุ่มสาวสายเฮลตี้หามารับประทานกันเป็นประจำ คงหนีไม่พ้นซูเปอร์ฟู้ดอย่าง “อะโวคาโด” ซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นผลไม้ยอดฮิต และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่ก็ยังเป็นอาหารสุขภาพที่มีราคาสูงมาก
ประโยชน์ของอะโวคาโด
ซึ่งประโยชน์ที่เห็นได้เด่นชัดของอะโวคาโด ก็คือการลดคลอเรสเตอรอลในเลือด ซึ่งอะโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวที่ช่วยลดระดับไขมันในเลือด จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูง จากผลการศึกษาวิจัยที่กล่าวถึงข้างต้น และผลการวิจัยอื่นๆ ที่ศึกษาเกี่ยวกับอะโวคาโดและการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันรวม ไขมันชนิดดี ไขมันชนิดไม่ดี และไตรกรีเซอร์ไลน์ในเลือด ในกลุ่มผู้เข้าทำการทดลองได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่ช่วยเพิ่มระดับไขมันชนิดดี
ผลอะโวคาโดยังมีวิตามินที่มีอยู่มากนั้นมีประโยชน์ด้านการบำรุงผิวพรรณและสายตา ทำให้มีการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์อย่างแพร่หลาย
มีการนำข้อมูลไปเผยแพร่และบอกกล่าวกันอย่างแพร่หลายว่า การรับประทานอะโวคาโดทุกวัน วันละ 1 ผล จะช่วยลดความอ้วนหรือลดพุงได้ การกินอะโวคาโดนั้นช่วยลดระดับไขมันเลว LDL ที่สัมพันธ์ต่อการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตันลงได้ หากกินในปริมาณที่เหมาะสมไปพร้อมกับการควบคุมอาหาร แต่ยังไม่มีผลงานวิจัยที่ระบุแน่ชัดว่าการกินอะโวคาโดเป็นประจำจะช่วยทำให้พุงยุบ หรือลดวามอ้วนได้ แม้ว่าอะโวคาโดจะเป็นผลไม้ทางเลือกของคนรักสุขภาพ แต่ในทางโภชนาการถือว่าเป็นแหล่งไขมันที่สูงมาก
อะโวคาโดจึงเป็นอาหารที่จะลดจำนวนของ LDL ลงได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยลดความอ้วนลงได้ด้วย หากไม่มีการควบคุมอาหารและกินอะโวคาโดอย่างพอดี
อะโวคาโดนั้นไม่สามารถกินผลดิบได้ เนื่องจากมีสารแทนนินที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ของสหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยผลงานวิจัยเกี่ยวกับการบริโภคอะโวคาโดไว้ว่า การบริโภคมากเกินไปอาจเสี่ยงป่วยเป็นโรคหัวใจ
ดังนั้นการกินอะโวคาโดมากเกินไปก็อาจเสี่ยงต่อการเสียสมดุลของไขมันดีและไขมันเลวในร่างกาย ส่งผลกระทบต่อการทำงานของหลอดเลือดและหัวใจ และการกินมากเกินไปก็อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินความต้องการ จนต้องเก็บพลังงานไว้ในรูปแบบของไขมัน จึงเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วนตามมาได้ เพราะอย่าลืมว่าอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง
ดังนั้นสรุปคือต้องกินอย่างพอดี ควรคู่ไปกับการควบคุมอาหารจึงจะสามารถลดน้ำหนักได้ ที่สำคัญควรออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย
ข้อมูลจาก : bangkokbiznew.com