ผักกินสุก หรือดิบ…..รู้มั๊ย

ภูมิแพ้ขึ้นตา..ใครว่าไม่ร้ายแรง
October 13, 2021
สารพันปัญหาฝ้า………ของคุณสาวๆ
October 21, 2021

Closeup Of young girl applying eyedrops or ointment on inflamed or conjunctivitis eye

 

 

ว่ากันว่า อาหารที่ผ่านความร้อนจะทำให้วิตามินและสารอาหารบางส่วนสลายตัวไปกับความร้อนที่ใช้ประกอบอาหาร โดยเฉพาะผักและผลไม้ เรื่องนี้มีส่วนจริงอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีผักอีกหลายชนิดที่ควรต้องทำให้สุกก่อนกิน เราไปดูกันว่ามีผักอะไรบ้างที่ควรกินดิบ และผักอะไรบ้างควรปรุงให้สุกก่อนกิน

 

ผักกินสุก

 หน่อไม้ฝรั่ง

ในหน่อไม้ฝรั่งมีโฟเลตอยู่มาก ซึ่งมีความจำเป็นต่อความสมบูรณ์ของทารกสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งที่ปอดได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของกำมะถันเป็นยาขับปัสสาวะได้ดีตัวหนึ่ง และบรรเทาอาการปวดฟันได้ด้วย หน่อไม้ฝรั่งเมื่อนึ่งสุกแล้วจะมีประสิทธิภาพในการต้านมะเร็งได้มากกว่าการทานดิบๆ

 เห็ดต่างๆ

เห็ดส่วนใหญ่มีแคลอรี่ – ไขมันต่ำ ปราศจากคอเลสเตอรอล อุดมด้วยวิตามินบี มีธาตุโปแตสเซียมสูง จึงมีคุณสมบัติช่วยลดความดัน และยังมีสารซีลีเนียมที่เป็นสารต้านมะเร็ง การทานเห็ดที่ปรุงโดยความร้อนไม่ว่าจะโดยวิธีต้ม ย่าง อบ ควรใช้ความร้อนไม่สูงนักและใช้เวลาไม่นาน จะให้คุณค่าของสารอาหารมากกว่าเห็ดที่ปรุงสุกหรือผ่านความร้อนเป็นเวลานาน แต่ไม่ควรทานเห็ดดิบๆเนื่องจากสารบางอย่างจะไปยับยั้งการดูดซึมของอาหารในระบบย่อยอาหารได้

 ผักโขม

การกินผักโขมให้ได้ประโยชน์สูงสุด ควรกินแบบปรุงสุกมากกว่าการดิบๆ เนื่องจากในผักโขมมีกรด ออกเซลิค แอซิด ในปริมาณสูง กรดดังกล่าวจะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถดูดซับธาตุเหล็กที่มีมากในผักโขมได้ การนำผักโขมไปทำให้สุกก่อนถือเป็นวิธีช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น การปรุงผักโขมให้สุก จะช่วยเพิ่มแคลเซียม ธาตุเหล็ก และแม็กนีเซียมได้

 มะเขือเทศ

ในมะเขือเทศมีไลโคปีนอยู่มาก เป็นสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ มะเขือเทศที่ผ่านความร้อนจะทำให้การยึดจับของไลโคปีนกับเนื้อเยื่อของมะเขือเทศอ่อนตัวลง จึงทำให้ไลโคปีนถูกร่างกายนำไปใช้ได้ดีกว่า การทานมะเขือเทศแบบปรุงสุกจึงให้สรรพคุณเรื่องการต้านมะเร็งมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นนั่นเอง

12898456 – wet fresh tomatoes with stem leaves on white background

ผักกินดิบ

 บีทรูท

บีทรูทหัวสีแดงมีเบทานินสูง (betanin) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง นอกจากนี้ ในหัวบีทรูทยังมีโฟเลตสูง แต่การทำให้สุกจะทำให้สูญเสียกรดโฟเลตในตัวเองไปประมาณ 25% เพราะโฟเลตจะถูกทำลายได้ด้วยความร้อน ซึ่งการทานดิบจะช่วยรักษาสารอาหารส่วนนี้ไว้

 บล็อกโคลี่

นักโภชนาการแนะนำว่า ควรเลือกหน่อหรือต้นอ่อนของบร็อกโคลี่ เพราะมีเอนไซม์ไมโรซีเนสทปริมาณมากกว่าบร็อกโคลี่ต้นที่โตแล้ว ซึ่งเอนไซม์ไมโรซีเนสช่วยให้ตับสะอาด และช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งได้ การรับประทานบร็อกโคลี่เพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุด จะต้องไม่ผ่านกรรมวิธีการปรุงอาหารที่มีระยะเวลานานเกินไป ทางเลือกหนึ่งคือการทานบล็อกโคลี่โดยการลวก หรือผัด ที่ผ่านความร้อนไม่สูงและไม่นานจนเกินไป

 หัวหอม

วิธีการทานหัวหอมที่ดีที่สุดคือการสไลท์แล้วทานเลย เพราะเอนไซม์และสารอาหารต่างๆที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหัวหอมจะลดลงเมื่อผ่านความร้อน ทางออกที่ดีถ้าหากไม่คุ้นชินกับการทานแบบดิบๆ คือการผ่านความร้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

21219747 – beetroot with leaves isolated on white

 พริกหวานและพริกต่างๆ

เช่นเดียวกับ หัวหอม และกระเทียม พริกหวานควรทานแบบดิบๆมากกว่า เพื่อรักษาคุณค่าทางอาหารและวิตามินต่างๆ ที่มีประโยชน์ไว้ เพราะส่วนมากพืชและสมุนไพรกลุ่มนี้จะสูญเสียคุณค่าทางอาหารบางส่วนไปในขณะการปรุงด้วยความร้อน ถ้าหากการทานแบบดิบๆไม่ถูกปาก การย่างหรือการผัดแบบเร็วๆ ก็เป็นทางออกที่ดีที่ยังให้คุณค่าทางอาหารและยังรักษาประโยชน์ไว้ได้

 

 

Buy now