ป่วยบ่อย ป่วยง่าย ร่างกายไม่แข็งแรง “เวชศาสตร์ชะลอวัย” (อาจ) มีคำตอบ ท่านกำลังมีอาการเหล่านี้อยู่หรือไม่?..ตื่นนอนยามเช้ารู้สึกไม่สดชื่น เหนื่อยล้าง่าย หงุดหงิดแบบไร้สาเหตุ ง่วงนอนตลอดวัน อ้วนง่าย ลดน้ำหนักเท่าไหร่ก็ไม่ลงสักที..ถ้าใช่ เวชศาสตร์ชะลอวัย (อาจ) หาคำตอบให้ท่านได้ เวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ Anti–Aging Medicine เป็นเรื่องที่หลายคนยังมีความเข้าใจไม่ชัดเจนเท่าที่ควร เพราะส่วนใหญ่จะรู้จักกับคำว่า “ชะลอวัย” ในความหมายของการดูแลผิวพรรณเพื่อความงาม โดยการใช้อุปกรณ์เพื่อช่วยให้มีผิวที่ดี ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ แต่สำหรับเวชศาสตร์ชะลอวัย ความหมายที่ถูกต้องอย่างแท้จริง คือ ศาสตร์ที่วิเคราะห์ดูแลลงลึกในรายละเอียดของร่างกายเพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถป้องกัน ฟื้นฟูความเสื่อมของสุขภาพ ปรับสมดุลให้กับร่างกายเพื่อให้กลไกต่างๆ ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ ใส่ใจในทุกองค์ประกอบของชีวิตให้การดูแลแบบเฉพาะบุคคล เพื่อวัตถุประสงค์ที่สำคัญ คือ ให้ทุกคนมีชีวิตที่ยืนยาวแบบสุขภาพดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีไปพร้อมๆ กัน เพราะอายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความเสื่อมของร่างกาย หรือแม้แต่ความรู้สึกไม่สดชื่นในยามเช้า รู้สึกเหนื่อยล้า หงุดหงิดแบบไร้สาเหตุ หรือการที่เป็นหวัดบ่อยมากในแต่ละปี ทั้งหมดนี้แม้ไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการที่ควรหาสาเหตุให้พบ เพื่อรีบทำการแก้ไขต่อไป ซึ่งเวชศาสตร์ชะลอวัยเป็นมิติของการดูแลสุขภาพโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อค้นหาที่มาของความผิดปกติอย่างละเอียด เพราะการดูแลสุขภาพในแต่ละบุคคลจะไม่ใช่แค่เพียงรับฟังเฉพาะความเปลี่ยนแปลงที่สามารถสื่อสารออกมาเป็นอาการได้เท่านั้น แต่จะให้ความสำคัญในทุกองค์ประกอบชีวิตของแต่ละคน เน้นการดูแลทุกระบบของร่างกาย ใส่ใจในรายละเอียดข้อมูลการรักษาโรคด้านต่างๆ รวมถึงไลฟ์สไตล์ครอบครัว การทำงาน โภชนาการ การออกกำลังกาย และสิ่งแวดล้อมในการใช้ชีวิต เพื่อนำทุกสิ่งมาประเมินและวิเคราะห์เพื่อการดูแลรอบด้านอย่างเป็นระบบ ตัวอย่างเช่น คนไข้เป็นหวัดบ่อย โดยทั่วไปคือจะมาพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการรักษาให้หายป่วย หากมีอาการจึงมาพบใหม่ แต่สิ่งที่เวชศาสตร์ชะลอวัยมุ่งเน้น คือ การค้นหาว่าเพราะเหตุใดจึงป่วยด้วยโรคหวัดบ่อย ภูมิคุ้มกันของคนไข้เป็นเช่นไร? สามารถดูแลรักษาคนไข้ให้มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งได้อย่างไรบ้าง เรียกได้ว่าเป็นการดูแลรักษาจากต้นตอของปัญหาเลยทีเดียว เพราะเมื่อเราสามารถให้การดูแลรักษาที่ต้นเหตุได้ ปัญหาย่อมไม่เกิดหรือเกิดขึ้นน้อย ย่อมเป็นการดูแลสุขภาพให้กับคนไข้อย่างยั่งยืน “เวชศาสตร์ชะลอวัย” เป็นแนวทางในการดูแลป้องกัน แต่มีความแตกต่างจากการตรวจสุขภาพประจำปี เพราะการตรวจสุขภาพนั้น เน้นตรวจเพื่อค้นหาความผิดปกติของโรค ณ ช่วงเวลานั้นๆ หากพบโรคย่อมเป็นจุดเริ่มต้นให้ได้รับการรักษา แต่เวชศาสตร์ชะลอวัย คือ ศาสตร์ที่พัฒนามาเพื่อการดูแลแบบลงลึกที่สามารถตรวจเพื่อดูถึงความเสี่ยงในอนาคต เพื่อช่วยป้องกันและชะลอความเสื่อมที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ด้วยการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เวชศาสตร์ชะลอวัย ลงลึกถึงระดับพันธุกรรม การซักประวัติของแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย นอกจากการซักประวัติในรายละเอียดของบุคคลนั้นๆ แล้ว ยังให้ความสำคัญกับเรื่องสมาชิกครอบครัว เพราะโรคบางชนิดไม่สามารถตรวจพบได้ในเบื้องต้น อาจต้องค้นหาในระดับพันธุกรรม อาทิ โรคเบาหวาน เมื่อตรวจสุขภาพประจำปีไม่พบว่าเป็น แต่เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เป็น หรือไม่มีแนวโน้มที่จะเป็น การตรวจระดับพันธุกรรมจะช่วยตอบคำถามได้ดีที่สุด เพื่อการวางแผนชีวิตอย่างถูกต้องและเหมาะสม ผลการรักษาสามารถวัดได้จริงหรือ? “การดูแลในแบบเวชศาสตร์ชะลอวัย” คือ การตรวจวิเคราะห์ในระดับโมเลกุล เพื่อหาความเสี่ยงของการเกิดโรค ที่สามารถตอบโจทย์ความชัดเจนในด้านเหตุและผลได้อย่างตรงจุด เพราะการตรวจต่างๆ สามารถแปลผลออกมาได้อย่างชัดเจน โดยการตรวจติดตามผลการรักษาจะมีการเจาะเลือดเพื่อวัดผลให้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลง หากผลแสดงแนวโน้มที่ดีผนวกกับดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ ส่งผลให้สุขภาพดีขึ้น ย่อมเป็นสัญญาณที่แพทย์จะปรับลดระดับวิตามิน หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษาให้สมดุลกับผลเลือด ซึ่งข้อดีของการตรวจเลือดนอกจากทราบผลการรักษาแล้ว ยังทำให้แพทย์ทราบว่าผู้ป่วยปฏิบัติตัวตามที่แนะนำหรือไม่ เช่น แพทย์แนะนำให้รับประทานผักใบเขียวเพิ่ม และลดปริมาณผักสีเหลืองที่ชอบรับประทาน แต่ถ้าผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตาม ค่าเลือดของสารเบต้าแคโรทีนจะแสดงค่าที่สูงขึ้นทำให้แพทย์ทราบได้ในทันที ดังนั้นการดูแลเพื่อชะลอความเสื่อมหรือการเพิ่มเติมในสิ่งที่ร่างกายขาด สามารถเทียบผลการดูแลได้อย่างมีมาตรฐาน ไม่ใช่การคาดการณ์เหมือนที่หลายๆ คนเข้าใจ นอกจากนี้ […]