เบาหวาน… กับสมุนไพรไทย ใครไม่ใช้ถือว่า Out!!!

“DENGVAXIA” วัคซีนไข้เลือดออก
June 6, 2022
ผอมเกินไป..ต้องถ่ายพยาธิ จริงหรือ?
June 6, 2022

ปัจจุบันถ้าเอ่ยถึง “โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โรค NCDs หรือโรควิถีชีวิต” เชื่อว่าน้อยคนจะไม่รู้จัก ทั้งยังทราบอีกว่าหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคกลุ่มนี้มาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคผักผลไม้น้อย และบริโภคหวาน มัน เค็ม มากเกินความต้องการของร่างกายนั่นเอง

แต่สิ่งที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือ จากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกาย พบว่า ประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีภาวะความดันโลหิตสูง, ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และมีความชุกของโรคเบาหวานมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในอนาคตอันใกล้ คนกลุ่มนี้จะต้องหันไปพึ่งหมอพึ่งยาเพื่อช่วยบำบัดและบรรเทาอาการอย่างแน่นอน…ดังนั้น จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถใช้พืชผักสมุนไพรมาช่วยดูแลสุขภาพได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาเคมี โดยเฉพาะโรคยอดฮิตอย่าง โรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง

แม้ว่าหลายปีมานี้กระทรวงสาธารณสุขจะมีนโยบายส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรในโรงพยาบาลของรัฐ แต่สัดส่วนมูลค่าการใช้ยาสมุนไพร และความนิยมใช้สมุนไพรในบ้านเราก็ยังถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์อยู่มาก สาเหตุหนึ่งก็มาจากที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมองข้ามสมุนไพรในรั้วบ้านไป เพราะยังมีความเชื่อหรือความเข้าใจในแบบเดิมๆ ว่าสมุนไพรเป็นเพียงผักที่มีประโยชน์แค่ใช้ประกอบอาหารเท่านั้น ไม่ได้มีสรรพคุณในการบรรเทาหรือรักษาโรคแต่อย่างใด ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ยังผิดอยู่มาก

ปัจจุบันนี้ได้มีการนำยาสมุนไพรมาเข้าระบบบัญชียาในโรงพยาบาล ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ รวมถึงผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาลก็จะได้รับการรักษาด้วยยาสมุนไพรจากการสั่งจ่ายยาของแพทย์ ทั้งแพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์แผนไทยร่วมกัน

การตรวจรักษาโรคและจ่ายยาสมุนไพรในโรคต่างๆ หลายโรค เช่น โรคสะเก็ดเงิน, โรคเบาหวาน, โรคความดันโลหิตสูง และไมเกรน เป็นต้น โดยโรคที่พบบ่อยนี้ทางทีมวิจัยได้มีการเก็บข้อมูลเพื่อการวิจัยแบบ R2R (Routine to Research) ซึ่งเป็นการพัฒนางานประจำสู่งานวิจัย โดยไม่ได้มุ่งหวังผลลัพธ์เพียงแค่ได้ผลงานวิจัยเท่านั้น แต่มีเป้าหมายที่จะนำผลการวิจัยไปใช้พัฒนางานประจำนั้นๆ ด้วย ทำให้เห็นถึงพัฒนาการในการใช้สมุนไพรไทยกับการรักษาโรคได้มากขึ้น และตรงจุดมากขึ้น

“จะเห็นว่าสถานการณ์ของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังในบ้านเรา ไม่ค่อยสู้ดีนัก เพราะจากการเฝ้าติดตามของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า มีแนวโน้มในการเกิดโรคสูงขึ้นทุกปี ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการดูแล สถานการณ์เช่นนี้ เราสามารถหาสิ่งใกล้ตัวที่อยู่กับเรามาช้านานอย่างสมุนไพรไทยให้ผู้ที่กำลังป่วย หรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคดังกล่าวได้”

จากภูมิปัญญาพื้นบ้านสู่สมุนไพรรักษาเบาหวาน

โรคเบาหวาน ตามแนวทางการแพทย์แผนไทย “เบา” หมายถึง ปัสสาวะ เพราะฉะนั้น “เบาหวาน” จึงหมายถึง ภาวะที่ปัสสาวะมีรสหวานและถือเป็นโรคที่รักษายาก โดยเกิดจากพฤติกรรมของคนในปัจจุบันที่ขาดการเคลื่อนไหว กินนอนไม่เป็นเวลา อยู่ในที่เย็น ชอบกินของเย็นๆ จึงทำให้ธาตุไฟในร่างกายอ่อน รวมทั้งกินอาหารที่มีสารพิษมากทำให้ตับทำงานหนักและเสื่อมสภาพลง เนื่องจากตับที่มีหน้าที่สร้างไฟธาตุและน้ำดีในการย่อยอาหาร การที่ธาตุไฟผิดปกติไปจึงส่งผลทำให้ธาตุอื่นๆ ในร่างกายทั้ง ธาตุดิน, น้ำ และลม เกิดความผิดปกติตามไปด้วย ซึ่งเมื่อธาตุไฟอ่อนแรง การย่อยและการเผาผลาญในร่างกายก็น้อยลงตามไปด้วย จึงเกิดการสะสมของเสมหะ (น้ำ และดิน) ทำให้อ้วน เลือดลมเดินไม่สะดวก และเมื่อธาตุไฟอ่อนลงมากๆ ก็จะทำให้ไม่สามารถย่อยอาหารได้ จึงไม่มีสารอาหารไปบำรุงธาตุอื่นๆ ทำให้เกิดความเสื่อมของธาตุดิน น้ำที่สะสมมากก็จะเคลื่อนลงต่ำ และปัสสาวะมาก ปากคอแห้ง เป็นต้น และเมื่อธาตุไฟพิการมากๆ เข้า ก็จะส่งผลให้เลือดลมพิการมากตาม ทำให้ไม่สามารถขับปัสสาวะ หรือที่เรียกว่าภาวะไตวาย, ท้องผูก, ความดันต่ำ, หัวใจเต้นช้า ไม่รู้สึกตัว และเสียชีวิตในที่สุด

โรคเบาหวาน เป็นความเสื่อมที่เกิดขึ้นแล้วมีผลต่ออวัยวะหลายระบบ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการบำรุงด้วย สมุนไพรหลายชนิด และหลายรส เช่น บอระเพ็ด, ใบชะพลู, ฟ้าทะลายโจร, รางจืด, ขมิ้นขม, สะเดา, ขี้เหล็ก และมะระขี้นก เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่มีรสขม ช่วยในการบำรุงตับ ซึ่งตับมีหน้าที่สร้างไฟธาตุและสร้างน้ำดีในการย่อยอาหาร หมอยาส่วนใหญ่จึงนิยมเลือกใช้สมุนไพรที่มีรสขมเป็นอันดับต้นๆ และช่วยเรื่องการลดน้ำตาลในเลือดเป็นหลัก

“ยาสมุนไพรที่เป็นยาตำรับใช้รักษาโรค มักจะถูกจ่ายในแบบยาต้มให้กินเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด  ซึ่งมียาสมุนไพรหลายตัว เช่น ใบอินทนิลน้ำ  กำแพงเจ็ดชั้น ดอกกรรณิการ์  กระวาน ชะเอมเทศ และตัวยาอื่นๆ  ซึ่งตำรับนี้เป็นตำรับที่ใช้กันมานานในสมัยก่อน นอกจากนี้ก็ยังมีสมุนไพรที่สามารถรักษาได้ทางอ้อม ก็คือขมิ้นชัน และมะขามป้อม ที่เหมาะสำหรับผู้อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรคเบาหวาน โดยจะมีแพทย์แผนไทยคอยกำกับดูแลผู้ป่วยและเก็บข้อมูลอย่างละเอียดในระหว่างการรักษาและติดตามอาการ เพราะสมุนไพรบางชนิดหากรับประทานมากจนเกินไปก็อาจส่งผลให้ร่างกายทำงานผิดปกติได้เช่นกัน”

ในปัจจุบันแม้ว่าระบบประกันสุขภาพจะครอบคลุมคนไทยทุกคนให้ได้มีสิทธิเข้าถึงยาแผนปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นยาฉีด หรือยากิน แต่เนื่องด้วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย จึงมีคนจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อคำเชิญชวนผิดๆ เกี่ยวกับสมุนไพรเพื่อลดน้ำตาลในเลือด ด้วยความหวังว่าจะหายเพราะเบื่อหน่ายกับการที่ต้องรับประทานยาลดน้ำตาลในเลือดทุกวัน ทำให้สูญเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้อง และอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้น เราจึงควรจะใช้ประโยชน์จากสมุนไพรเหล่านั้น โดยเลือกชนิดที่มีความปลอดภัยสูง ใช้เป็นอาหารอยู่แล้ว และหาได้ง่ายในท้องถิ่น มาช่วยรักษาโรค

 

Buy now