ภัยใกล้ตัว ….เสียงดังเกินไป ทำประสาทหูเสื่อมได้!

ทอง ทอง ทอง….ช่วงน่าลงทุน?
August 21, 2020
“มะเร็งรังไข่” ภัยร้ายหญิงไทย กับการรักษาด้วยยาตรงพันธุกรรม
August 27, 2020

ปัจจุบัน “โรคประสาทหูเสื่อมกำลังเป็นปัญหาในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ซึ่งจากสถานการณ์ทั่วโลกพบว่า ทั้งเพศชายและเพศหญิงมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียการได้ยินถึง 1,100 ล้านคน 

องค์การอนามัยโลกได้ออกมาเตือนว่า ไม่ควรฟังเพลงเสียงดังนานติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมง และควรลดระดับความดังเสียงลงร้อยละ 60 ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคประสาทหูเสื่อม และลดโอกาสการสูญเสียการได้ยินลงไปได้

โรคประสาทหูเสื่อม ทำให้สูญเสียการได้ยินและการสื่อสาร เป็นโรคที่คุกคามต่อชีวิต สร้างปัญหาให้กับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยและคนรอบข้าง จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การใช้หูฟังเพื่อการสื่อสาร ฟังเพลงหรือชมภาพยนตร์เป็นเวลานานๆ การเข้าผับ บาร์ หรือชมคอนเสิร์ต ที่มีเสียงดัง เสียงต่างๆ ที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวัน ทั้งบนท้องถนน ที่ทำงาน เช่น ชาวไร่ชาวนาที่ใช้เครื่องจักรเสียงดัง ในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีเครื่องจักรเสียงดัง นักดนตรี อาชีพทหาร – ตำรวจที่ต้องซ้อมยิงปืน หรือซ้อมภาคสนาม ต้องเผชิญกับเสียงที่ดังมากเพียงระยะเวลาสั้นๆ  ทั้งหมดนี้อาจส่งผลให้เกิดโรคประสาทหูเสื่อมก่อนวัยอันควรได้

การได้ยินเสียงดังนั้น จะทำให้เซลล์ประสาทหูทำงานหนักมากขึ้น และจะเกิดภาวะเสื่อมถอย เกิดภาวะอักเสบ การแตกหักบาดเจ็บของเซลล์ประสาทหู อีกทั้งยังส่งผลให้เซลล์ที่สามารถทำงานได้ดีมีจำนวนลดลง โดยเสียงดังมักจะทำลายเซลล์หูที่รับเสียงสูงก่อน โดยระยะเริ่มแรกอาจมีอาการหูอื้อ มีเสียงดังรบกวนในหู และเริ่มพูดคุยสนทนากับผู้อื่นด้วยเสียงดังมากขึ้น

ถ้ามีอาการดังนี้ เข้าข่าย “โรคประสาทหูเสื่อมจากเสียงดัง

  1. การสูญเสียการได้ยินมีทั้งแบบการได้ยินบกพร่องชั่วคราว และการได้ยินบกพร่องแบบถาวร
  2. เสียงดังในหู(Tinnitus) เป็นเสียงดังรบกวน ก่อให้เกิดความรำคาญในหู อาจมีอาการเจ็บหูเมื่อเผชิญเสียงดังมาก อาการเสียงดังในหูเป็นสัญญาณเตือนก่อนที่จะเกิดการสูญเสียการได้ยินที่รุนแรงอย่างถาวร
  3. การสื่อสารลำบาก สื่อความหมายผิดโดยเฉพาะในที่มีเสียงรบกวน ผู้ป่วยมักพูดเสียงดังมากขึ้น ขอให้พูดซ้ำอีกครั้ง เพราะไม่ได้ยิน หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน
  4. สูญเสียประสิทธิภาพการทรงตัวผู้ป่วยที่มีการสูญเสียการได้ยิน อาจมีการสูญเสียการทรงตัว เช่น เวียนศีรษะ เดินไม่มั่นคง ไม่มั่นใจ ความจำถดถอย ทำให้ไม่ค่อยอยากพบปะผู้คน อยากแยกตัวออกจากสังคม และเพื่อนฝูง

นอกจากเสียงดังที่มากเกินกำหนดแล้ว การฟังที่ปลอดภัย ยังอาจขึ้นกับระดับเสียง ความถี่ ระยะเวลาในการได้ยิน โดยในการทำงานกำหนดให้ความดังไม่เกิน 85 เดซิเบล ไม่นานเกิน 8 ชั่วโมง (ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันเสียง) และทุกความดังที่มากขึ้น ชั่วโมงการทำงานจะลดลงเหลือ 4 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น เสียงในระดับ 82 เดซิเบล ไม่ควรนานเกิน 16 ชั่วโมง, 85 เดซิเบล ไม่นานเกิน 8 ชั่วโมง และเสียงในระดับ 88 เดซิเบล ไม่ควรนานเกิน 4 ชั่วโมง เป็นต้น

วิธีป้องกันโรคประสาทหูเสื่อมจากการได้ยินเสียง

  1. ปรับลดความดังเสียงลง
  2. ใส่ที่อุดหูกันเสียง (ถ้าใส่อย่างถูกวิธีแล้วช่วยจะลดเสียงได้ 5 – 45 เดซิเบล ขึ้นอยู่กับชนิด)เหมาะสำหรับป้องกันเสียงในการแข่งขันหรือเล่นกีฬา ร้านอาหารที่มีดนตรี และบริเวณที่เสียงดังทั่วไป
  3. การตั้งความดังของเสียงในอุปกรณ์ต่างๆ ให้อยู่ในระดับปลอดภัย โดยตั้งค่าระดับเสียงที่ฟังสบายในห้องเงียบไม่ให้เกิน 60% ของค่าความดังสูงสุด
  4. มีช่วงเวลาพักหู เช่น ในช่วงที่มีกิจกรรมที่ต้องได้เสียงดังเป็นเวลาต่อเนื่องนาน ควรมีการพักการฟังเป็นช่วงๆ เพื่อให้ประสาทหูไม่ล้า
  5. การฟังเสียงจากโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ ไม่ให้เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน การใช้หูฟังในที่ๆ สิ่งแวดล้อมมีเสียงรบกวนมาก เช่น เครื่องบิน รถไฟ ควรเลือกหูฟังที่กระชับหูพอดี
  6. หากมีอาการผิดปกติ หรือสงสัยว่ามีอาการประสาทหูเสื่อมควรรีบพบแพทย์หูคอจมูก เพื่อทำการตรวจรักษา และรับคำแนะนำในการปฏิบัติอย่างถูกต้อง

 

ดังนั้นการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังและไม่ประมาท จึงน่าจะเป็นหนทางในการดูแลรักษาสุขภาพที่ดีที่สุด ถึงแม้จะเป็นเพียง หูแต่ก็เป็นอวัยวะที่สำคัญกับร่างกายเราเช่นกันค่ะ

 

https://www.healthchannel.co.th/

https://www.facebook.com/Globalhealthchannel

 

 

Buy now