“ปวดประจำเดือนเรื้อรัง” อาจไม่ใช่เรื่องปกติ

หากเอ่ยถึงปัญหากวนใจที่สร้างความรำคาญให้กับคุณสุภาพสตรีหลายๆท่าน คงหนีไม่พ้น “อาการปวดท้องประจำเดือน” ยิ่งใครที่มีอาการปวดหนัก ปวดเรื้อรัง ก็อาจส่งผลถึงขั้นทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้เลยก็มี

การรับประทานยาแก้ปวด คือหนึ่งในวิธีที่หลายคนเลือกใช้ ในขณะที่บางคนอาจถึงขั้นต้องพึ่งการฉีดมอร์ฟีนเพื่อบรรเทาอาการปวดกันเลยทีเดียว แต่ทราบหรือไม่ว่าวิธีการเหล่านั้นไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด ซ้ำยังเป็นการแก้ที่ปลายเหตุอีกด้วย

ปวดท้องประจำเดือนหรืออาการปวดท้องของคุณผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือนนั้น อาการดังกล่าวเกิดจากการปวดที่กล้ามเนื้อแล้วเกิดการเกร็งตัว  ส่งผลทำให้เริ่มมีความผิดปกติ ซึ่งในช่วงที่มีประจำเดือนนั้น การทำงานของกล้ามเนื้อที่มีการบีบและคลายตัวจะไม่ได้ทำงานเป็นไปตามปกติ หรือตามแบบที่ธรรมชาติควรจะเป็น

อาการปวดท้องประจำเดือน ไม่ใช่อาการปวดท้องทั่วไป และไม่ใช่เรื่องปกติที่ควรจะเป็น ดังนั้นถ้ามีอาการควรจะรีบทำการรักษา อย่าปล่อยทิ้งไว้จนกลายเป็นอาการเรื้อรัง เพราะความเรื้อรังของการปวดท้องประจำเดือน ถือว่าเป็นความผิดปกติของการทำงานในร่างกายคนเรา รวมถึงการทำงานที่ผิดปกติไปของสัญญาณประสาท, ส่วนประสาทตรงข้อต่อ, กระดูกเชิงกราน, ก้นกบ และกระดูกสันหลังส่วนล่าง หากการทำงานของระบบเหล่านี้มีปัญหา ก็จะส่งผลทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมา  แต่ความรุนแรงของอาการก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย  บางคนปวดมาก  ขณะที่บางคนไม่มีอาการปวดหรือปวดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ทางที่ดีที่สุด หากมีอาการปวดท้องประจำเดือนอย่างเรื้อรังและรุนแรงจนถึงขั้นทนไม่ไหว ควรไปพบแพทย์เฉพาะทาง เช่น สูตินรีแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย และรักษา แต่บางคนก็ใช้วิธีการทั่วๆ ไปที่เราพอจะทำได้ ก็คือการทานยาแก้ปวด ทานน้ำอุ่น หรือใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบที่ท้อง, หลังเพื่อบรรเทาอาการปวดเหล่านั้น

แต่ถ้าอยากหาทางเลือกอื่นๆ ที่จะบรรเทาและรักษาอาการปวดเรื้อรัง ก็ยังมีอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับวิธีการตรวจและการรักษาอาการปวดประจำเดือนด้วยศาสตร์ไคโรแพรคติกว่า จะเริ่มดูที่สัญญาณประสาทที่หล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนล่างของรังไข่ หรือมดลูกว่าระบบส่วนนี้มีการทำงานเป็นปกติหรือไม่ กรณีที่ผิดปกติก็ต้องดูว่าผิดปกติไปจากธรรมชาติมาก – น้อยแค่ไหน บางคนเส้นประสาทอาจจะมีการบิดหรือเอียงตัวผิดไปจากธรรมชาติมากเกินไป จนทำให้เกิดอาการเจ็บ อาการปวด หรือเกิดการอักเสบได้  หลังจากตรวจเช็คร่างกายแล้วก็จะทำการรักษาด้วยวิธีการนวด จัดปรับกระดูก

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจมีคำถามว่า “ระหว่างเป็นประจำเดือนแล้วมีอาการปวด สามารถมารักษาได้ไหม ?” ประเด็นนี้ต้องบอกว่าการรักษาด้วยไคโรแพรคติกอาจจะแตกต่างจากการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ตรงที่แม้จะมีอาการอยู่ก็สามารถมารักษาได้ ไม่มีผลข้างเคียง หรืออันตรายใดๆ ระหว่างการรักษา ตรงกันข้ามกลับส่งผลดีเสียด้วยซ้ำหากมารักษาขณะที่มีอาการอยู่ เพราะจะได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้หลังทำการรักษา

นอกจากการรักษาแล้ว จะมีการสอนท่านั่ง – ท่านอนที่ถูกต้องเหมาะสมให้กับคนไข้ อย่างการปวดท้องประจำเดือนก็จะแนะนำว่าไม่ควรนั่งไขว่ห้าง และไม่ควรนอนตะแคง เพราะจะทำให้กระดูกเชิงกรานบิดและเอียง อีกทั้งยังส่งผลให้กลับมามีอาการซ้ำได้อีก

การรักษาด้วยไคโรแพรคติกไม่ใช่ว่าทำเพียงครั้งเดียวแล้วเห็นผล แต่จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง จึงจะสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงได้เป็นระยะๆ ซึ่งความถี่ในการรักษาของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับอาการที่เป็น