โรคมะเร็งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ และเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประชากรโลก ซึ่งนอกจากปัจจัยก่อมะเร็งตามพฤติกรรมเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารที่รับประทาน การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และการรับรังสีแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่สำคัญ ก็คือ “ความเสี่ยงทางพันธุกรรม”
“เราทุกคนมีรหัสพันธุกรรมที่กำหนดความเป็นตัวตนของเราตั้งแต่เกิด” ประโยคนี้หลายคนคงเคยได้ยินบ่อยๆ แต่อาจเข้าใจไม่ถูกต้องนัก กล่าวคือ
DNA คือ สารพันธุกรรมที่สร้างจากกรดนิวคลีอิก พบในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด หน้าที่ของ DNA คือบรรจุข้อมูลทางพันธุกรรมเพื่อส่งผ่านไปยังรุ่นลูกหลาน โดย DNA มีรูปร่างคล้ายบันไดที่บิดเป็นเกลียว และขาแต่ละข้างมีโมเลกุลที่ประกอบไปด้วยนิวคลีโอไทด์ 4 ชนิด แทนด้วยอักษรย่อ A T G C ซึ่งมีการเกาะเรียงลำดับแตกต่างกันไปในแต่ละคน ทำให้ข้อมูลทางพันธุกรรมแตกต่างกันในแต่ละบุคคล จึงเรียกว่า “รหัสพันธุกรรม” ซึ่งในร่างกายแต่ละคนจะมีความหลากหลายและความแตกต่างของ DNA ส่งผลให้คนแต่ละคนมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน
ยีน คือหน่วยพันธุกรรมที่ทำหน้าที่เป็นพิมพ์เขียวในการสร้างโปรตีนที่กำหนดการทำงานของเซลล์ และควบคุมลักษณะต่างๆ ของร่างกายตามปกติ โดยยีนจะทำงานรวมกันเป็นคู่ ทุกคนต้องได้รับยีนจากพ่อและแม่มาอย่างละหนึ่งชุด จึงจะถ่ายทอดลักษณะต่างๆ สู่ลูกหลานได้
กลไกการเกิดมะเร็ง คือเริ่มมีเซลล์หนึ่งหรือมากกว่าที่ยีนมีการกลายพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะสร้างโปรตีนที่ไม่สมบูรณ์หรือผิดปกติ ซึ่งจะทำหน้าที่แตกต่างจากโปรตีนปกติ เหนี่ยวนำให้มีการแบ่งตัวของเซลล์มากจนเหนือการควบคุมและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด โดยการกลายพันธุ์ที่ทำให้เกิดมะเร็ง แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
Germline mutations คือ การกลายพันธุ์ที่ถูกถ่ายทอดโดยตรงจากพ่อแม่สู่ลูก หรือการเกิดมะเร็งซึ่งถ่ายทอดทางพันธุกรรมนั่นเอง
Somatic mutations คือ การกลายพันธุ์ที่เกิดจากยีนมีความเสียหายในช่วงชีวิตของคนๆหนึ่ง แต่ไม่ได้ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ทางพันธุกรรม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่ การติดเชื้อไวรัสบางประเภท การสูบบุหรี่ การสัมผัสแสงอัลตราไวโอเลต การรับรังสี หรือความเสื่อมชรา ซึ่งล้วนทำให้เกิดการกลายพันธุ์อันก่อให้เกิดมะเร็งได้
การทำงานของแต่ละเซลล์มีกระบวนการซับซ้อน ยีนที่ควบคุมให้เซลล์ทำงานได้ปกติมีจำนวนมากและมีหน้าที่หลากหลาย ดังนั้น ยีนที่เกิดความผิดปกติและเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งจึงหลากหลายไปด้วย ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
ผู้ป่วยหลายรายที่ตรวจสุขภาพเป็นประจำ แต่กลับไม่ได้ช่วยวินิจฉัยโรคมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะต้นๆ นั่นเป็นเพราะการตรวจสุขภาพแบบทั่วไป ได้ถูกออกแบบสำหรับคนส่วนใหญ่ ซึ่งอาจไม่พอหากมีความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่อการเกิดมะเร็ง เพราะจะตรวจสุขภาพพบความผิดปกติก็ต่อเมื่อเกิดโรคมะเร็งขึ้นแล้ว
ปัจจัยทางพันธุกรรมจะทำให้คนๆ หนึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมากกว่าคนธรรมดา 10 – 100 เท่า ในปัจจุบันเราสามารถตรวจความเสี่ยงนี้ได้ด้วยการตรวจยีนหรือ DNA ด้วยการตรวจเลือด เพื่อทราบว่าใครมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการเกิดมะเร็งในอนาคต ทั้งมะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งปอด และอีกหลายชนิด ก่อนที่จะเกิดมะเร็งขึ้น
เมื่อทราบผลว่ามีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งจากการตรวจยีน แพทย์จะวางแผนดูแลสุขภาพเชิงลึกและเชิงรุก
ตรวจ แบบเจาะลึกถึง DNA…แม่นยำกว่าแบบเดิม
การตรวจแบบเจาะลึกระดับดีเอ็นเอ คือเทคนิคการตรวจระดับชีวโมเลกุลที่สามารถค้นหาเชื้อได้ในระยะก่อนที่จะเกิดเป็นมะเร็ง ทำให้สามารถป้องกันและรักษาเชื้อเอชพีวีได้ก่อนที่เชื้อจะพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งวิธีนี้มีความแม่นยำอย่างมาก ต่างจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกวิธีอื่นๆ ในปัจจุบัน ซึ่งมีความแม่นยำน้อยกว่า
แม่นยำสูง เว้นระยะตรวจได้ถึง 5 ปี
เป็นการตรวจที่มีความแม่นยำสูง และในกรณีผลตรวจระบุว่าไม่มีความผิดปกติ ไม่พบเชื้อ ย่อมมั่นใจได้ว่าโอกาสที่จะเป็นมะเร็งมีได้น้อย และยังสามารถเว้นระยะการตรวจคัดกรองมะเร็งได้ถึง 5 ปี อีกด้วย”